"ผะเหวด""นั้นเป็นการออกเสียงตามสำเนียงอีสาน มาจากคำว่า"พระเวส"หมายถึงพระเวสสันดร งานบุญผะเหวดเป็นหนึ่งในประเพณี ๑๒ เดือน หรือฮีตสิบสองของชาวอีสาน (การทำบุญประเพณี ๑๒ เดือน) โดยประเพณีนี้จะจัดขึ้นในเดือนที่ ๔ ของไทยหรือเดือนมีนาคม โดยกำหนดจัดงานในวันเสาร์และอาทิตย์แรกของเดือนมีนาคมทุกปี ประเพณีบุญผะเหวดหรือบุญเดือนสี่นั้น สะท้อนให้เห็นถึง ความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา ซึ่งชาวอีสานยึดถือและปฏิบัติกันมาช้านานและอย่างเคร่งครัด เพราะถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่สุดก็ว่าได้
การจัดงานบุญผะเหวดนั้นอยู่ที่การเทศน์เรื่องพระเวสสันดรชาดกหรือเทศน์มหาชาติ มีจำนวนทั้งหมด ๑๓ กัณฑ์ โดยชาวอีสานมีความเชื่อว่าถ้าหากว่าฟังเทศน์ครบทั้งหมดวันเดียว และจัดเตรียมเครื่องคาย (บูชา) ได้ถูกต้อง ก็จะได้เกิดในศาสนาพระอริยเมตไตรย แต่ถ้าหากตั้งเครื่องคาย (บูชา) ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาเพศและสิ่งไม่ดีต่างๆตามมา จึงทำให้ทุกคนในหมู่บ้าน ให้ความสำคัญกับงานนี้อย่างมากโดยจะมาทำพิธีร่วมกันอีกประการหนึ่ง คือ เพื่อระลึกถึงพระเวสสันดรพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญเพียรบารมีชาติสุดท้ายของพระองค์ก่อนจะเสวยชาติและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภายหลัง
นอกจากการฟังเทศน์มหาชาติแล้ว ประเพณีนี้ยังได้แฝงความเชื่อหลายประการไว้ด้วยคือ ความเชื่อในเรื่องพระอุปคุต อันเป็นพระผู้รักษาพิธีต่างๆให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบโดยเชื่อกันว่าในการทำบุญแต่ละครั้งจะมีมารเข้ามาขัดขวางทำลายพิธีชาวพุทธจึงต้องนิมนต์พระอุปคุตมาร่วมพิธีด้วย เพื่อช่วยขจัดอันตรายต่างๆและเกิดความสวัสดิมงคลอีกด้วย
การนิมนต์พระอุปคุตจะเริ่มทำก่อนวันเทศน์มหาชาติหนึ่งวัน เรียกว่ามื้อโฮม(วันสุกดิบ)ในตอนบ่ายจะทำพิธีแห่พระเวสส์ (พระเวสสันดร)เข้าเมือง
หลังจากนั้นจะนิมนต์พระอุปคุตมาสถิต ณ บริเวณพิธี โดยมีขบวนแห่ดอกไม้ ธูป เทียน ขันห้าหรือขันแปด ไปยังสระน้ำที่อยู่ใกล้ๆ แล้วผู้อาวุโสจะหยิบก้อนหินจากสระน้ำถาม ๓ ครั้ง ก่อนจะนำหินมาสถิต ไว้ยัง "หอพระอุปคุต" (สมมุติว่าหินนั้นเป็นพระอุปคุต)โดยกำหนดหอพระอุปคุตเป็นศาลเพียงตา หรือทำหิ้งบูชาอยู่ในมณฑลพิธีซึ่งจะมีเครื่องบูชาต่างๆ ได้แก่ บาตรพระ, ขันห้าหรือขันแปด, ผ้าไตรจีวร, พานหมากและพานยาสูบ, ร่มกางกันแดด, น้ำดื่มและกระโถน วางไว้
บุณผะเหวดหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าบุญมหาชาติเป็นประเพณีบุญตามฮีตสิบสองของชาวอีสาน แต่ถ้าถือเป็นเรื่องทานก็เป็นประเพณีการบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ ในตำนานฮีตสิบสองได้กล่าวถึงการทำบุญผะเหวด ไว้ว่าฮอดเดือน ๔ ให้พากันเก็บ ดอกจานสานบั้งไม้ไผ่เสียบดอกจิก ...ก็พอจะอนุมานได้ถึงสภาพทั่วไปของชาว อีสานว่าดอกจิก ดอกจาน บานราวต้นเดือนสาม พุทธศาสนิกชนจะเก็บดอกไม้เหล่านี้มาร้อยเป็นมาลัยเพื่อตกแต่งศาลาการเปรียญสำหรับบุญมหาชาตินี้เอง และในงานนี้ก็จะมีการเทศน์มหาชาติซึ่งถือว่าเป็นงานอันศักดิ์สิทธิผู้ใดฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียวและบำเพ็ญคุณงามความดี จะได้อานิสงส์ ไปเกิดในภพพระอริยเมตไตรย์
ปัจจุบันในจังหวัดกำแพงเพชรโดยเฉพาะอำเภอบึงสามัคคี ซึ่งประชากรส่วนใหญ่อพยพมาจากภาคอีสาน ยังมีการจัดงานประเพณี “บุญผะเหวด”ณ วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม ได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้จังหวัดร้อยเอ็ดหรือจังหวัดอื่นในภาคอีสาน ทำให้ผู้คนได้หลั่งไหลมาเที่ยวงานกันเป็นจำนวนมาก
แต่เดิมการจัดงานบุญผะเหวดของวัดทุ่งสนุ่นรัตนารามจะจัดตรงกับวันมาฆบูชาของทุกปี แต่เนื่องจากตรงกับงานประเพณีนบพระ-เล่นเพลง และงานกาชาดจังหวัดกำแพงเพชร งานประเพณีของจังหวัดกำแพงเพชร วัดทุ่งสนุ่นรัตนารามจึงได้กำหนดการจัดงานหลังวันมาฆบูชาสองสัปดาห์ของทุกปีเป็นงานบุญผะเหวด