ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 14° 0' 12.2087"
14.0033913
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 39' 52.9564"
100.6647101
เลขที่ : 197497
ประเพณีลำพาข้าวสาร
เสนอโดย ปทุมธานี วันที่ 30 กันยายน 2565
อนุมัติโดย ปทุมธานี วันที่ 30 กันยายน 2565
จังหวัด : ปทุมธานี
0 777
รายละเอียด

ลำพาข้าวสารเป็นประเพณีของชาวจังหวัดปทุมธานี ที่มีมานานตั้งแต่ต้นรัชกาลที่ ๓ คือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งชาวปทุมธานีได้กระทำกันมาทุกปี

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นที่วัดแจ้ง ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งในปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เจ้าจอมมารดาน้อยระนาด เป็นธิดาเจ้าสัวสุ่น เป็นคนอยุธยา ได้ลงเรือหนีกองทัพพม่ามากับพรรคพวก ล่องลงมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาในตอนค่ำคืน มาสว่างที่ตำบลสามโคก ตรงกับวัดแจ้งเวลานี้ และได้แวะเข้าพักผ่อนที่นั้น เล่ากันได้เจอดินกลายเป็นทองที่ตรงวัดแจ้ง จึงตั้งใจได้ว่า เมื่อตั้งหลักฐานมั่นคงแล้วจะมาสร้างวัดที่นี่ ครั้งหยุดพักหุงหาอาหารรับประทานกันแล้ว ก็ออกเรือไปยังกรุงธนบุรี เจ้าน้อยระนาดตีระนาดเก่งมาก ต่อมาได้เป็นเจ้าจอมของพระบาทสมเด็จพระราชโอรส ซึ่งเกิดในเจ้าจอมมารดาน้อยระนาด คือ พระองค์เจ้าชายกลาง ประสูติวันเสาร์ แรม๑๒ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑๕กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๔๘ ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระองค์ชายกลางได้ทรงกรมเป็นที่กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ และในรัชกาลที่ ๕ ได้เลื่อนเป็นกรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ ทรงกำกับกรมช่างของในรัชกาลที่ ๓ ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ ได้ทรงว่าความศาลราชตระกูลตลอดมาจนสิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ พระชนมายุ ๗๓ พรรษา ทรงเป็นต้นสกุลวัชรีวงศ์ เข้าใจว่าสกุลนี้จะมาสร้างวัดแจ้ง

กรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ มีบุตรชาย คือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวัชรีวงศ์(พระองค์เจ้าขาว) ได้มาบุรณวัดแจ้งทุกปี และพระองค์เป็นผู้ริเริ่มให้มีการรำพาข้าวสารขึ้น เพื่อนำไปถวายพระให้เป็นทุนในการปฏิสังขรณ์วัดต่อไป

ต่อมา ม.ร.ว. หญิงกระแสร์ วัชรีวงศ์ ซึ่งเป็นพี่สาวของหลวงราชพงษ์ ภักดี เลียมวัชรีวงศ์ ซึ่งเป็นบุตรของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวัชรีวงศ์ พระองค์เจ้าขาว เห็นว่าปีใดไม่มีใครมาทอดกฐินที่วัดแจ้งท่านก็จะนำกฐินมาทอด และนำการละเล่นมาแสดงด้วย เช่น รีวิวและโขน เป็นที่สนุกครึกครื้นทุกครั้งที่ท่านมาทอดกฐิน หรือมีงานศพที่วัดแจ้งคราวใดก็จะนำโขนหลวงราชพงษ์มาแสดงให้ชาวบ้านชมเสนอโขนของท่านมีชื่อเสียง คนดูชอบกันมาก จนชาวบ้านเรียกว่าติดปากมาจนทุกวันนี้ว่า "โขนหลวงราชพงษ์”

.ร.ว. หญิงกระแสร์ วัชรีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ มรณะเมื่อ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒

หลวงราชพงษ์ ภักดี(เลี่ยม วัชรีวงศ์) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ และ มรณะเมื่อ

.ศ. ๒๔๙๓ ตั้งแต่ท่านสิ้นชีวิตแล้ว โขนหลวงราชพงษ์ก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครนำมาแสดงให้ดูอีกเลย

พระครูอรรถสุนทร(สุวรรณ) เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ได้เล่าให้ฟังว่า "หลวงปู่เทียน

วัดโบสถ์ เมื่อตอนเป็นหนุ่มได้อยู่ในวังสวนกุหลาบ เกิดมีความสัมพันธ์กับหญิงในวังเลยต้องหนีออกจากวังมาบวชไม่ยอมสึก” ม.ร.ว. หญิงกระแสร์ วัชรีวงศ์ เป็นผู้เล่าให้ท่านฟังอย่างนี้

เรื่องการรำพาข้าวสาร พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวัชรีวงศ์ ฉะนั้นในการร้องเพลง

รำพาข้าวสาร จึงเริ่มต้นด้วยชื่อของท่าน ซึ่งเป็นการแสดงความเคารวะต่อพระองค์ท่านเช่นนี้ต้นเพลงว่า"เจ้าขาวลาละลอกเอย..” เป็นต้น นาย ปทุม คงดี อยู่ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก เล่าให้ฟังว่า "ในแถบปากเกร็ด นนทบุรี ได้นำประเพณีรำพาข้าวสารจากปทุมธานีไปใช้ด้วย แต่พวกปากเกร็ดเขา เรียกว่า รำพาข้าวสารพระองค์เจ้าขาว”

การรำพาข้าวสาร จะเริ่มกระทำกันเมื่ออกพรรษาแล้วเพราะในระหว่างออกพรรษาชาวพุทธโดยทั่วไปจะนิยมทำการทอดกฐินและทอดผ้าป่าตามวัดต่างๆ ถ้าวัดใดยังไม่มีคนจองกฐินหรือยังไม่ได้ทอดกฐิน ชาวบ้านก็จะช่วยกันจัดกฐินไปทอด โดยจัดเป็นรูปกฐินสามัคคี คือให้ชาวบ้านรับเป็นเจ้าภาพทำบุญร่วมกัน ในการทอดกฐินแต่ละครั้งจะต้องลงทุนมาก ต้องมีข้าวของเงินทองที่จะนำไปทอด เพื่อทางวัดจะได้อาศัยข้าวของเงินทอง หรือจตุปัจจัยที่นำไปทอดถวายนี้ บำรุงและซ่อมแซมวัดต่อไปเป็นการสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนาให้ถาวรต่อไปอีก

การที่จะจัดทอดกฐินสามัคคีนี้ ก็จะต้องออกเรี่ยไรหรือบอกบุญไปยังชาวบ้านโดยไม่ได้เจาะจงหรือกะเกณฑ์มากน้อยเท่าไร แล้วแต่จะให้ แต่การเรี่ยไรแบบนี้ผิดกับการเรี่ยไรวิธีอื่นๆ ที่มีการแจกซองหรือโฆษณาเที่ยวเดินอุ้มบาตรไปของเงินตามรถโดยสารตลอดปีที่ท่ารถรังสิต เพราะถือเป็นประเพณีแบบชาวบ้านไม่มีใครรังเกียจ มีการร้องเพลงทำนองเชิญชวนให้ทำบุญ ซึ่งเรียก การเรี่ยไรชนิดนี้ว่า"รำพาข้าวสาร

วิธีรำพาข้าวสาร จะมีบุคคลคณะหนึ่งมีทั้งหญิงและชายประมาณ๒๐–๓๐คน มีทั้งคนแก่หนุ่มสาว ร่วมไปในคณะด้วย พอตกค่ำก็ลงเรือที่เตรียมไว้ จะเป็นเรือจ้างหรือเรือมาดหรือเรือที่ใช้บิณฑบาตก็ได้ ขอให้ลำใหญ่ๆ จุคนได้มากๆ ก็แล้วกัน ทุกคนจะเตรียมพายไปคนละอันเพื่อจะได้ช่วยกันพายเรือ ในเรือจะมีกระบุง กระสอบสำหรับใส่ข้าวสาร และจัดให้คนแก่คนหนึ่งนุ่งขาวห่มขาว นั่งกลางลำเรือเป็นประธานไม่ต้องทำอะไร ส่วนคนอื่นๆ การแต่งตัวก็ตามสบาย เพราะกลางคืนไม่มีใครเห็น แต่บางคณะที่แต่งกายเหมือนกันดูสวยงามก็มีแล้วแต่ละตกลงกันทุกคนจะนั่งริมกาบเรือเพื่อช่วยกันพาย และมีคนคัดท้ายหรือที่เรียกว่า"ถือท้ายเรือ” หนึ่งคน เขาจะพายพร้อมๆ กัน เหมือนกับแข่งเรือ จุดมุ่งหมายที่จะไปก็คือ ตามบ้านทั่วไปที่เรือจอดถึงหัวบันไดบ้านได้

พอเรือจอดที่หัวบันไดหน้าบ้าน ก็จะร้องเพลง โดยมีต้นเสียงหรือแม่เพลงขึ้นนำว่า"เจ้าขาวลาวระลอกเอย มาหอมดอกดอกเอ๋ยลำใย แม่เจ้าประคุณที่เอาส่วนบุญมาให้” แล้วทุกคนก็ร้องรับพร้อมๆ กันว่า "เอ่ เอ เอ้ หล่า เอ่ หล่า ขาว เอย” แล้วก็ร้องเรื่อยไป การร้องเป็นทำนองเชิญชวนให้ทำบุญร่วมกันร้องเรื่อยไปจะเป็นดอกอะไรก็ได้ ร้องจนกว่าเจ้าของบ้านจะตื่น เมื่อเจ้าของบ้านได้ ยินเสียงเพลง ก็รู้ได้ทันทีว่ามาเรี่ยไรข้าวสาร เพื่อจะนำไปทอดกฐิน เขาก็จะรีบเอาขันตักข้าวสารลงมาให้ที่เรือแล้วยกเมื่อไหว้เป็นการอนุโมทนาด้วย เมื่อคณะรำพาข้าวสารได้รับบริจาคแล้ว ก็จะให้ศีลให้พรเป็นเพลงให้เจ้าของบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ให้ทำมาค้าขึ้น นึกเงินให้ได้เงินไหลมากอง ถ้าจะนึกไดทองให้ทองไหลมา อะไรทำนองนั้น ดังเนื้อเพลงมีว่า "ทำบุญกับพี่แล้วเอยขอให้ทรามเชยมีความสุข นึกถึงเงินให้เงินมากอง นึกถึงทองให้ทองไหลมา เอ่ เอ เอ้ หล่า เอ่ หล่า ขาว เอย” ครั้น ร้องเพลงให้พรเสร็จแล้วคณะรำพาข้าวสารก็จะพายเรือไปแวะบ้านอื่นต่อๆ ไป

การรำพาข้าวสาร จะเริ่มตั้งแต่ ๑ ทุ่ม ไปจนกระทั่ง ๒ ทุ่ม เที่ยงคืนจึงจะเลิกพากันกลับบ้าน แล้วในคืนต่อไปคณะรำพาข้าวสารก็จะไปรำพาในที่อื่นตำบลอื่นอีก จนกว่าจะเห็นว่าข้าวของที่ได้มากพอที่จะทอดกฐินแล้วจึงจะยุติ

ประเพณีการรำพาข้าวสารของชาวจังหวัดปทุมธานี ได้เลิกมาประมาณ ๓ ปีกว่าแล้ว เพราะได้มีพวกมิจฉาชีพหากินโดยไม่สุจริต ปลอมตัวเป็นคณะรำพาข้าวสารออกจี้ปล้นชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหวาดกลัว พอได้ยินเพลงรำพาข้าวสารเข้าก็ขวัญหนีดีฝ่อปิดประตูลงกลอนเงียบไม่ยอมออกมา เพราะกลัวพวกคนร้ายจะปลอมตัวมาจี้ปล้นเอา ต่อมาการรำพาข้าวสาร ซึ่งเป็นประเพณีของคนดีที่บริสุทธิ์หวังจะทำบุญ เพื่อต่ออายุพระพุทธศาสนา จึงต้องสิ้นสุดลงด้วยคนใจบาป หยาบช้าดังกล่าวแล้ว

จะอย่างไรก็ตาม หากทางราชการก็ดี หรือทางโรงเรียนก็ดี ถ้าจะได้ช่วยกันฟื้นฟูประเพณีรำพาข้าวสาร ซึ่งเป็นประเพณีของเมืองปทุมธานีไว้ไม่ให้สูญ โดยจัดแสดงเป็นครั้งคราวในเทศกาลออกพรรษา หรือในงานเทศกาลต่างๆ ก็จะทำให้เด็กรุ่นหลังได้เห็นเป็นการรักษามรดกของชาติสืบต่อไป

สถานที่ตั้ง
จังหวัด ปทุมธานี
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี
บุคคลอ้างอิง นวพร นวลประดิษฐ อีเมล์ Culture_pathum@outlook.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี
เลขที่ 33/3 ถนน คลองวัดโส
ตำบล บางปรอก อำเภอ เมืองปทุมธานี จังหวัด ปทุมธานี รหัสไปรษณีย์ 12000
โทรศัพท์ 025934406 โทรสาร 025934406
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่