การแปรรูปเกลือจืดเป็นเครื่องสำอางวิถีชาวบ้าน สมัยก่อนการใช้เกลือจืด (Gypsum) จากนาเกลือยังไม่แพร่หลาย ใช้เพียงทำปูนปลาสเตอร์ ชอล์กเขียนกระดานดำ หรือทำแป้งผัดหน้าใช้กันในครัวเรือนเท่านั้น ส่วนอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ ซึ่งใช้แร่ยิปซัมเป็นส่วนประกอบสำคัญยังคงต้องนำเข้าจากต่างประเทศเนื่องจากมีปริมาณแร่ยิปซัมภายในประเทศไม่เพียงพอประกอบกับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ การขนส่งแร่ยิปซัมจากต่างประเทศทำได้ไม่สะดวก จึงมีการนำเกลือจืดจากนาเกลือมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตปูนซีเมนต์ การผลิตเกลือและเกลือจืดจึงขยายตัวกว้างขวางมากขึ้น นับว่าเกลือจืดจากนาเกลือทำให้การผลิตปูนซีเมนต์ในช่วงเวลานั้นดำเนินไปได้เป็นปกติ จนกระทั่งหลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ เริ่มมีการค้นพบแหล่งแร่ยิปซัมภายในประเทศอีกหลายแหล่ง ต่อมาเกษตรกรชาวนาเกลือได้มีการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ผลผลิตต่างๆ จากนาเกลือ รวมถึงนำเกลือจืดมาปรับปรุง แปรรูป จนนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้เกลือจืดมีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่าที่ผ่านมาการแปรรูปเกลือจืดเป็นแป้งร่ำ เครื่องสำอางผลิตภัณฑ์ชุมชน ของจังหวัดสมุทรสงครามนั้น นายสมยศ หลำวรรณะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแป้งร่ำ ตำบลบางนางลี่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เล่าถึงความเป็นมาว่าเริ่มต้นจากคนจีนที่อพยพเข้าทำมาหากินในแผ่นดินไทยเมื่อแรกเข้ามามีฐานะยากจน ต้องต้มข้าวกินกับก้อนกรวดคั่วเกลือ บังเอิญเกลือที่ใช้คั่วกับกรวดหมด จึงไปเก็บดินที่นาเกลือมาคั่วแทนเกลือ แต่เมื่อนำมาคั่วกับก้อนกรวดเพื่อกินกับข้าวต้ม กลับได้แป้งสีขาวติดมากับก้อนกรวด ลองชิมดูพบว่าไม่มีรสเค็ม เมื่อลองนำตามแขนตามขาก็รู้สึกเหมือนกับทาแป้ง และเมื่อใช้บ่อย ๆ ผดผื่นก็หายไป ผิวพรรณนวลขึ้น จึงเป็นที่มาของแป้งชนิดนี้และใช้สืบต่อกันมาในกลุ่มลูกหลานชาวจีนไหจำโดยเรียกแป้งชนิดนี้ว่า แป้งหลำและเพี้ยนเป็น แป้งร่ำ จนถึงปัจจุบัน ต่อมาในช่วง พ.ศ. ๒๕๔๐ เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐ์กิจตกต่ำทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อรายได้ จึงได้ย้อนทบทวนภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่เคยนำเกลือจืดจากนาเกลือแปรรูปเป็นแป้งร่ำใช้เองภายในครอบครัวมาทำเป็นสินค้าจำหน่ายเพื่อเสริมรายได้