ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ. ๒๓๗๘, ๒๓๙๗ และ ๒๓๙๑ ชาวไทยทรงดำจากเมืองแถงได้เข้ามาพร้อมกับชาวพวนเช่นเดียวกัน ซึ่งชาวไทยทรงดำกลุ่มที่เข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ไปอยู่ที่เพชรบุรีเช่นเดียวกันกับกลุ่มที่เข้ามาตั้งแต่สมัยธนบุรี ทำให้เมืองเพชรบุรีกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชาวไทยทรงดำ ก่อนที่จะเริ่มมีการย้ายถิ่นฐานไปยังจังหวัดต่าง ๆ อีกหลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งเดินทางย้ายมาตั้งรกรากที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยปัจจุบันชาวไทยทรงดำอาศัยอยู่ในพื้นที่ ๒ ตำบล ใน ๒ อำเภอ คือ หมู่ ๖ บ้านบางปืน ตำบลนางตะเคียน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม และหมู่ ๓ บ้านดอนสาม ตำบลดอนมะโนรา อำเภอบางคนที ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน
ปัจจุบันชาวไทยทรงดำที่จังหวัดสมุทรสงครามได้อยู่อาศัยร่วมกับชุมชนชาวไทยมาหลายรุ่น ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกันโดยส่วนใหญ่ชาวไทยทรงดำจะรับเอาวัฒนธรรมไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตน ปัจจุบันชาวบ้านได้หันมาใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันเป็นหลัก เหลือเพียงผู้สูงอายุเท่านั้น ที่ยังพูดภาษาไทยทรงดำได้ และมีการรับเอาประเพณีทางพระพุทธศาสนา และประเพณีสิบสองเดือนแบบ ชาวไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ส่วนชีวิตและความเป็นอยู่ การแต่งกาย และบ้านเรือนได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย หากแต่ความเชื่อดั้งเดิมเรื่องการนับถือผีบรรพบุรุษนั้นยังคงอยู่ หลาย ๆ บ้านยังคงเก็บรักษาทิ้งผีบรรพบุรุษและมีการประกอบพิธีบูชาเป็นประจำทุกปี ถือเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่กระทำต่อกันมาโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้การแต่งกายด้วยชุดไทยทรงดำจะเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่บ่งบอกถึงชาติพันธุ์ และในปัจจุบันนี้ชาวบ้านจะไม่ได้แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองในชีวิตประจำวันอย่างเช่นอดีต แต่ก็ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายของตนโดยจะพร้อมใจกันใส่ชุดไทยทรงดำไปร่วมงานประเพณีหรือพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เช่น พิธีแต่งงานพิธีศพ งานประจำปี หรืองานประเพณีสงกรานต์ ที่ปัจจุบันชาวไทยทรงดำก็ได้รับเอาคติความเชื่อเรื่องวันสงกรานต์แบบชาวไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยของชาวบ้านในชุมชนทั้งชาวไทยและไทยทรงดำมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายต่อหลายรุ่น ทำให้ชาวบ้านล้วนรักสมัครสมานสามัคคีและได้ร่วมกันสร้างใหม่บางปืน ขึ้นเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน