“วิหารเขียน”เป็นวิหารขนาดเล็ก กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๕ เมตร อยู่ทางทิศเหนือของพระบรมธาตุเจดีย์ เป็นวิหารขนาด ๕ ห้องเสา หลังคาทรงจั่ว ไม่มีมุขลด ประดับเครื่องลำยองไม้แกะสลักและประดับกระจกสี เมื่อแรกสร้างวิหารนี้ใช้เป็นศาลาโถงพักรอก่อนขึ้นสู่ลานประทักษิณ ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนทางเข้าจากทางทิศเหนือมาเป็นทางทิศตะวันออก จึงได้ต่อเติมหลังคาทางทิศใต้ของวิหาร เพื่อคลุมบันไดทางขึ้นองค์พระมหาธาตุเจดีย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๐ ให้เป็นที่ฝึกเขียนหนังสือขอมไทยและขอมบาลีแก่พระภิกษุสามเณรอยู่ในวัดรายรอบ รวมทั้งใช้เป็นสถานที่จดจาร คัดลอก เขียนพระไตรปิฎกและเก็บรักษาพระไตรปิฎกอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะปรับมาใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ของวัด จึงเรียกว่า “วิหารเขียน”
ประวัติการสร้าง
วิหารเขียนสร้างเมื่อ พ.ศ. ๑๙๑๙ ดังข้อความในตำนานพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราชตอนหนึ่งว่า“เมื่อสักราชได้ ๑๙๑๙ ปี โปรดให้หลวงศรีวราวงษมาเป็นเจ้าเมือง มาทำวิหารฝ่ายอุดรพระธาตุ ทักษิณพระโพธิมณเฑียร ก่อพระสูง ๗ ศอก หล่อพระสำมฤฐองค์หนึ่งไว้ปัจฉิม เมียหล่อองค์หนึ่งไว้ฝ่ายบูรพ์ ชื่อว่าเพหารเขียน”ศักราชนี้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์อายุอิฐด้วยวิธี TL ที่สำนักศิลปากรที่ ๑๒ กรมศิลปากรดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ และได้วิเคราะห์ตัวอย่างอิฐจากการขุดค้น พบว่ามีอายุ ๗๑๖ ปี, ๗๒๑ ปี และ ๗๑๘ ปี (โดยมีค่าความคลาดเคลื่อน+-๓๖ ปี)
ความสำคัญและคุณค่า
โดยเหตุที่พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์รวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วคาบสมุทรไทย แต่ละปีมีผู้นำเครื่องสักการะหลายแบบมาถวายเป็นพุทธบูชา ได้แก่ ดอกไม้เงินดอกไม้ทอง ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง เครื่องประดับถนิมพิมพาภรณ์ พระพุทธรูปขนาดเล็ก วัตถุมงคล เครื่องรางของขลังและเหรียญกษาปณ์ เป็นต้น ถือเป็นวัตถุเพื่อการบูชาพระพุทธองค์ที่เรียกว่า“อามิสบูชา”ภายใต้แนวคิดและความเชื่อเรื่องความกตัญญูที่ชาวพุทธถือปฏิบัติมาแต่ครั้งโบราณ ข้อความที่เด่นในวิหารนี้คือ“ขอให้สำเร็จสมบัติสามประการ คือมนุษยสมบัติ แลสวรรคสมบัติ มีพระนิพพานสมบัติเป็นที่สุด ตามประเพณีอริยเจ้าแต่ก่อนนั้นแล”วัฒนธรรม“การบูชาพระบรมธาตุ”หรือ“ชาพระธาตุ”จึงเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นและชัดเจนของวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร
ศิลปวัตถุที่โดดเด่นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งหาดูได้ยาก ได้แก่ พระพิมพ์ งาช้าง กริช เสาธง เสาหงส์ สถูปจำลอง ศาลาจำลอง เรือสำเภาจำลอง รวงข้าวแรกนา นังคัล (คันไถ) เชี่ยนหมากและตะบันหมาก ส่วนพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งทำด้วยทองคำและเงินมีอยู่หลายองค์ เช่น พระพุทธรูปยืนทรงเครื่องที่สร้างถวายโดยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัด) พระพุทธรูปยืนทรงเครื่องที่สร้างถวายโดยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) พระลากทำด้วยทองคำที่สร้างถวายโดยหลวงพรหมเสนา ศิลปวัตถุและพระพุทธรูปเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นฝีมือช่างท้องถิ่นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้าของเดิมได้ถวายเป็นพุทธบูชาอันเนื่องมาจากความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่านั้นยังมีศิลปวัตถุหลายชิ้นซึ่งชาวพุทธในประเทศมาเลเซียนำมาถวาย