ฮั้วก๋วน คือ เครื่องประดับศีรษะของเจ้าสาวในกลุ่มชาติพันธุ์บาบ๋า ที่ใช้สำหรับสวมใส่ในวันวิวาห์
โดยฮั้วก๋วนจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “มงกุฎดอกไม้ไหว” หากอธิบายให้เห็นอย่างชัดเจนโดยการแยกมงกุฎ
๑ ชิ้น ออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนของตัวฐาน และ ส่วนของดอกดอกไม้ (เฉ่งก้อ) โดยแต่เดิมนั้นฮั้วก๋วนจะ
ประดิษฐ์ขึ้นจากดอกมะลิร้อยขึ้นเป็นมาลัย และประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากดิ้นทอง
ปรากฏพบในกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนชาติพันธุ์บาบ๋าที่ตั้งถิ่นฐานในจังหวัดระนอง ตรัง สตูล กระบี่ พังงา
และภูเก็ต และภูมิประเทศใกล้เคียง เช่น ปีนัง มะละกา เป็นต้น
๑. สมัยโบราณ
๑.๑ ฮั้วก๋วนประดับดอกเฉ่งก๊อใช้สำหรับเจ้าสาวในการเข้าสู่พิธีวิวาห์ ฮั้วก๋วน สำหรับเจ้าสาวจะแยก
ออกเป็นสองส่วน คือ 1) ตัวฐานดอกมะลิ ประดิษฐ์จากดอกมะลิที่ร้อยเป็นมาลัย 2) ดอกเฉ่งก้อ คือดอกไม้
ไหวที่ประดิษฐ์ด้วยเส้นเงินเส้นทองเป็นกลีบดอกไม้ โดยส่วนใหญ่จะพบฮั้วก๋วนที่ประดับดอกเฉ่งก๊อสีทอง
มากกว่าดอกเฉ่งก้อสีเงิน เพราะมีความเชื่อว่าสีทองเป็นสีแห่งพลังอำนาจและความมั่งคั่งร่ำรวย
๒. ปัจจุบัน
๒.๒ ฮั้วก๋วนมีการพัฒนารูปแบบเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวก โดยการประกอบช่อดอกเฉ่งก๊อ
(ดอกไม้ไหว) เข้าไว้ด้วยกันกับฐานของฮั้วก๋วนเป็นชิ้นเดียวกันสำเร็จรูป มีการประดับตกแต่งด้วยคริสตัล
พลอยสี เพชรรูปแบบต่าง ๆ อย่างสวยงามและแปลกตา ซึ่งรูปแบบของฮั้วก๋วนในสมัยปัจจุบันมีการพัฒนา
ในรูปแบบที่แปลกใหม่เพื่อเป็นที่สร้างความน่าสนใจกับกลุ่มผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม
ให้กับผลงานศิลปหัตกรรม โดยการพัฒนารูปแบบของฮั้ว ก๋วนในยุคสมัยปัจจุบัน ปรากฏพบวิธีการ
สร้างสรรค์ที่มีความสะดวกต่อการใช้สอยของสตรีในกลุ่มชาติพันธุ์บาบ๋าเมื่อเข้าสู่พิธีวิวาห์แบบสำเร็จรูป
และพัฒนารูปแบบขึ้นเป็นของที่ระลึกในโอกาสสำคัญเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน
ประวัติความเป็นมา
เมื่อชาวจีนเดินทางเข้าสู่ภาคใต้ของประเทศไทยก็นำวัฒนธรรมและประเพณีที่ติดตัวมาจากเมืองจีนมาปฏิบัติตามจารีตธรรมเนียมอย่างที่ตนนิยมปฏิบัติกันอย่างสม่ำเสมอ โดยเอกลักษณ์ที่เด่นชัดตามทัศนคติของคนไทยคือชาวจีนมีวิถีแห่งความสามารถด้านการพาณิชเป็นนิสัย มีความขยันอดทน มุ่งมานะ แม้จะเริ่มต้นจากการเป็นกุลีหรือกรรมกรเหมืองแร่ดีบุก จนกลายเป็นพ่อค้าเจ้าของตลาด สร้างโรงงานและสิ่งอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ตามอัตรากำลังของตนเองจนก่อให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวย ทำให้สตรีชาวพื้นถิ่นเล็งเห็นความสำคัญในความมุ่งมั่นและเกิดเป็นสัมพันธภาพของการสร้างชีวิตครอบครัว เมื่อก่อเกิดบุตรชายเรียกว่า “บาบ๋า” (บา-หบา) หากเป็นบุตรสาวเรียกว่า “ย่อหยา” หรือยอนยา และเกิดเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแต่โดยรวมในจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยที่พบการตั้งถิ่นฐานของชาวบาบ๋าประกอบด้วยจังหวัดกระบี่ พังงา ระนอง ตรัง สตูล และภูเก็ต จะนิยมเรียกทั้งบุตรชายและบุตรสาวรวมกันว่า "บาบ๋า“
เมื่อเข้าสู่พิธีวิวาห์ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการตกแต่งร่างกายเพื่อให้เกิดความสวยงามและสื่อความหมายถึงนัยสำคัญบางประการของสตรีลูกผสม คือการสวมมงกุฎดอกไม้ไหวประดับศีรษะ โดยใช้กรรมวิธีการสานกลีบดอกไม้ด้วยเส้นทองคำประดับตกแต่งในส่วนต่าง ๆ ของมงกุฎด้วยเพชร อัญมณีหรือไข่มุกแท้ โดยเริ่มต้นตัวฐานด้วยการล้อมมวยผมด้วยดอกมะลิสีขาว ปักประดับด้วยดอกไม้ไหว (ดอกเฉ่งก้อ) รอบมวยผมจำนวน ๑๒ ช่อดอก ตามธรรมเนียมความเชื่อของชาวจีนเรียกว่า “จับยี่ป่าย” ด้านหน้ามวยหอยโข่งประดับผีเสื้อ ๑ ตัว (ฮูเตี๊ยบ) ซึ่งกล่าวถึงนัยสำคัญของชีวิตในการแต่งงานที่มีความรักยั่งยืนดั่งดอกไม้และผีเสื้อที่เป็นของคู่กัน เหนือมวยหอยโข่งประดับหงส์ฟ้าลำตัวสีขาว เนื่องจากคนจีนเชื่อว่าหงส์เป็นใหญ่ในหมู่สัตว์ปีกจะปรากฏตัวในแผ่นดินที่สงบร่มเย็น มีเสียงร้องกังวานเหมือนเสียงขลุ่ย จึงเป็นการบอกกล่าวถึงนัยสำคัญให้เจ้าสาวทราบว่า เมื่อแต่งงานไปอยู่บ้านสามีจะต้องมีปิยวาจาที่อ่อนหวาน ปกครองครอบครัวด้วยความสงบร่มเย็น รวมทั้งเกสรบนดอกเฉ่งก๊อที่ยังเป็นเครื่องหมายบอกถึงความตื่นเต้นของเจ้าสาวในพิธีแต่งงานหากแต่มีความตื่นเต้นมากน้อยเพียงใด ดอกไม้ไหวบนศีรษะจะเกิดความไหวติงมากขึ้นเท่านั้น
จากการได้รับการสืบทอดปรากฏให้เห็นว่า “ฮั้วก๋วน” ที่ใช้สำหรับเจ้าสาวจะนิยมประดิษฐ์ขึ้นจากเส้นทอง ในลักษณะดอกไม้ที่มีความคล้ายคลึงกับดอกโบตั๋น หรือดอกเบญจมาศ โดยเรียกตามภาษาจีนกลางว่า “จงกั่วฮัว” ซึ่งแปลว่าดอกไม้สีทองแห่งความมงคล ฐานด้านล่างจะล้อมด้วยไข่มุกสีขาว เมื่อยุคสมัยเกิดการพัฒนาส่งผลให้รูปแบบของฮั้วก๋วนเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย