“วัดแม่พระลูกประคำ”หรือ“วัดกาลหว่าร์” เป็นโบสถ์คริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกเก่าแก่ ซึ่งโบสถ์หลังแรกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ปี ค.ศ.1786 (พ.ศ. 2329) โดยกลุ่มคริสตังชาวโปรตุเกสที่รอดจากการจับกุม หรือถูกฆ่าจากทหารพม่าในเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ย่าน กุฎีจีน แต่เนื่องจากไม่ยอมรับการปกครองของพระสงฆ์ชาวฝรั่งเศส จึงแยกมาตั้งชุมชนและโบสถ์ ณ ที่ดินปัจจุบัน ต่อมาชาวโปรตุเกสที่อาศัยอยู่บนที่ดินผืนนี้ค่อยๆ อพยพโยกย้ายไปทำมาหากินในที่ต่างๆ จึงมีจำนวนลดลง เรื่อยๆ และมีชาวจีนเข้ามาอยู่อาศัยแทน จึงได้มีการบูรณะสร้างโบสถ์ใหม่เป็นโบสถ์ครึ่งอิฐครึ่งไม้ ทำพิธีเสกในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1839 (พ.ศ. 2382) โดยตั้งชื่อว่า วัดแม่พระลูกประคำแต่ชาวจีนยังคงเรียกว่า วัดกาลหว่าร์ และในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1864 (พ.ศ.2407) ได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ตัวโบสถ์ไม่เสียหาย แต่หลักฐานสำคัญของวัดได้ถูกทำลายไป
ส่วนโบสถ์ปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี ค.ศ. 1890 (พ.ศ.2433) มีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบคอทิก คือส่วนหน้าเป็นยอดแหลมพุ่งสูง ประดิษฐานไม้กางเขน ขอบซุ้มประตูหน้าต่างเป็นเส้นโค้งหรือยอดแหลมคล้ายโดม ภายในประดับด้วยกระจกสีงดงาม โครงสร้างหลังคาเป็นโครงสร้างไม้ลักษณะเป็น โครงถัก มีการใช้ลวดสลิงขนาดใหญ่ดึงระหว่างโครงสร้างแทนการใช้ไม้ ส่วนของโครงบริเวณหัวโบสถ์มีลักษณะเป็นโวลท์ครึ่งซีกโอดโถง