ทองเป็นชื่อกล้วยชนิดหนึ่ง ลำต้น ใบ ผล คล้ายกับกล้วยไข่ มีหลายชนิดที่รู้จักกันแพร่หลาย มีดังนี้
๑. กล้วยทองเงย (ผลงอน เงย)
๒. กล้วยทองตีนเต่า
๓. กล้วยทองหวีเวียน
๔. กล้วยทองร่วง
๕. กล้วยทองแขก
๖. กล้วยทองเสา
๗. กล้วยทองขี้ผึ้ง ฯลฯ
ผลสุกสีเหลือง ถ้าปล่อยไว้ให้สุกเกินไป เนื้อจะเหลว เก็บไว้ได้เพียง ๒-๓ วันเท่านั้นลำต้นหรือหยวกกล้วยทองเป็นเส้นแข็ง ใช้แกงหรือให้สัตว์เลี้ยงกินไม่ได้ใบก็ไม่นิยมใช้ห่อของ กล้วยทองนิยมใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น ปูรองก้นขันหมากคู่กับใบเงินใบทอง โจรพวกย่องเบาในอดีตเวลาจะขึ้นขโมยของบ้านใคร ในเวลากลางคืน ใช้ใบกล้วยทองสดลงเลขยันต์ วางเรียงกันบนพื้นดิน ตรงหน้าบันไดหรือทางขึ้นบ้าน ๓ ใบ ห่างกันพอเดินก้าวเหยียบได้พอดี ก้าวเหยียบ ๓ ก้าว พร้อมกับบริกรรมคาถา จึงขึ้นบนเรือน เชื่อว่าโจรจะปลอดภัย คนที่ลอบขึ้นสังหารศัตรูบนเรือนจะประกอบพิธีเช่นเดียวกันถ้าศัตรูกำลังนอนหลับ ต้องปลุกให้ลุกขึ้น จึงโจมฟันหรือแทง ห้ามทำร้ายคนที่กำลังนอนหลับ จะถูกเพศคุณ อาจเป็นบ้า หลบหนีไม่รอด เผยความลับออกมาได้ เจ้าหน้าที่จับตัวได้โดยง่าย ในการประกอบพิธีราธนาอุบาทว์ หมอจะใช้กล้วยทองรองขันน้ำมนต์ ดังคำกล่าวว่า
“ใบกล้วยทองรองขันน้ำทิพมนต์ ทุกสิ่งไม่ตกหล่นคนจับต้องได้ไว้โรงเรือน”
ในการยกเสาฤกษ์ ต้องผูกหน่อกล้วยทองกับผ้าขาวและด้าย ๓ สี แล้วนำหน่อกล้วยทองลงไปปลูกไว้ใกล้เรือนถือเป็นมิ่งมงคล จะมั่งมีด้วยทรัพย์สิน เงินทอง
ในพิธีไหว้ครูต่าง ๆ พิธีวางศิลาฤกษ์ปริมณฑลก็ต้องใช้หน่อกล้วยและอ้อยประกอบพิธีด้วย
กล้วยทองปลูกด้วยหน่อที่เหง้าติดอยู่ ขุดหลุมกว้างลึก ๕๐ เซนติเมตร หย่อนหน่อลงไปกลบดินผสมแกลบปุ๋ยคอก ปลูกห่างกัน ๒ เมตรครึ่ง ใช้เวลาประมาณ ๖ เดือนได้รับผล ปลูกครั้งหนึ่ง ๆ จะมีอายุตัดผลได้จากต้นใหญ่ประมาณ ๔-๕ ปี จึงปลูกใหม่(พ่วง บุษรารัตน์)